เรามาถึงจุดนี้กันได้ยังไง...
จุดที่เชียงใหม่กลายเป็นเมืองกาแฟ
อาจเป็นเพราะอุปนิสัยสุขนิยมอารมณ์ฟรุ้งฟริ้งของคนเชียงใหม่เอง อาจเป็นเพราะเรามีแหล่งผลิตกาแฟในท้องถิ่น หรืออาจเป็นเพราะการทำร้านในเชียงใหม่ไม่ต้องแบกภาระค่าเช่าที่แพงลิบลิ่วเหมือนในเมืองหลวง ร้านสวยแต่ราคาย่อมเยา เข้าถึงง่าย ...เมืองช้าๆกับร้านกาแฟชิลๆ ดูจะเป็นสวรรค์ของนักท่องเที่ยวสาย Café Hopping เสียนี่กระไร
แต่ร้านกาแฟที่มีอยู่เดิมจำนวนมากมาย และร้านใหม่ๆที่เปิดขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ปฏิเสธไม่ได้ว่าธุรกิจร้านกาแฟในเชียงใหม่ เป็นธุรกิจที่มีการแข่งขันกันสูงทีเดียว แต่ละร้านจะต้องปรับตัว หรือหาแนวทางหาสไตล์ของร้านเพื่อเป็นจุดขาย แต่ก็มีบางร้านที่ประสบความสำเร็จด้วยการใช้ความจริงใจและความเป็นตัวของตัวเอง อย่างร้านที่เราจะแนะนำวันนี้ "ชั้น ๑ คาเฟ่"
บ่ายนี้เรามีโอกาสได้นั่งคุยกับ "ท็อป" (หรือที่เพื่อนๆเรียกกันว่า“ลำไย”) ชายหนุ่มอารมณ์ดี หุ้นส่วนและบาริสต้าหลักของร้าน ท็อปบอกว่าเรื่องร้านไม่ได้ใช้ความพยายามมากจนไม่เป็นตัวเอง แต่ใช้ความเป็นธรรมชาติมากกว่า ให้ความเป็นกันเองบวกความใส่ใจในตัวลูกค้าเป็นหลัก มองลูกค้าเป็นเพื่อน เป็นคนสำคัญ ที่อยากเสิร์ฟสิ่งที่ดีที่สุด
เรื่องนี้ถึงไม่ได้คุยกัน เราก็ชิงรู้สึกแบบนั้นนำหน้าไปแล้ว เพราะลาเต้ของท็อปอร่อยจริงๆ แล้วแม้ว่าเราจะไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัวมาก่อน แต่อัธยาศัยดีๆของคนที่นี่ ทำให้มาทีไรก็รู้สึกเสมือนมาบ้านเพื่อน
“จุดเด่นของร้านเหรอครับ คือมีความเป็นเพื่อนสูงมากเลย (หัวเราะ) เมื่อก่อนตอนทำโฮสเทล ผมทำคอนเซปต์แบบบ้านเพื่อน สนุกๆมันส์ๆ ไม่เครียด บรรยากาศร้านก็จะสบายๆตามอารมณ์ของผมไปด้วย"
"การเริ่มต้นทำกาแฟของผม ไม่ได้เจาะจงว่าจะต้องเป็นกาแฟตั้งแต่แรก แต่เกิดจากความชอบและอยากทำของอร่อยให้คนทาน จนมาลงตัวที่กาแฟในที่สุดครับ"
"ผมโตมากับการได้ช่วยคุณแม่ทำอาหารในครัวมาตลอด ผมรู้สึกมีความสุขเวลาได้ทำของอร่อยให้คนอื่นทาน และสมัยเรียนมีโอกาสทำงานพาร์ทไทม์ในร้านกาแฟ ก็รู้สึกว่า เอ้อ สิ่งนี่มัน Sensitive เนอะ ปรับเปลี่ยนนิดหน่อยก็ได้รสชาติที่ต่างกัน รู้สึกสนุกที่ได้เรียนรู้รสนิยมของคนผ่านวิถีการดื่มกาแฟของพวกเขา เลยเริ่มศึกษาเกี่ยวกับวิธีต่างๆที่จะได้มาซึ่งกาแฟที่ดี สนใจเรื่องกาแฟมาตั้งแต่ตอนนั้น"
"ชั้น๑" ยังมีความหมายที่ดีด้วย คือ ชั้นเยี่ยม ชั้นยอด อะไรประมาณนี้ครับ และความหมายนี้ก็ทำให้เราเตือนตัวเองอยู่เสมอว่ากาแฟทุกแก้วที่ส่งออกไป ควรจะเป็นกาแฟ'ชั้น๑'ให้สมชื่อ
"มีผู้ช่วยครับ แต่เอาเข้าจริงก็ชงเองเกือบทุกแก้ว ไม่ค่อยกล้าวางมือ ถ้าเป็นไปได้อยากให้ทุกแก้วออกจากมือเรา"
"ตอนนี้อาชีพบาริสต้ากลายเป็นอาชีพหลักครับ ร้านก็ค่อนข้างลงตัว ถ้าจะมีก็แค่ความอยากที่จะทำของอร่อยๆใหม่ๆ เพิ่มเติมในร้านให้มากกว่าเดิม"
"ถึงร้านจะดูสบายๆ แต่เรื่องกาแฟเราให้ความสำคัญมากเป็นพิเศษ คัดเลือกอย่างดีตั้งแต่เมล็ดไปจนถึงอุปกรณ์ยิบย่อยต่างๆในบาร์ครับ"
"ผมเชื่ออย่างนึง คือมนุษย์เราถ้าเลือกได้ก็ไม่ควรจะได้กินของไม่อร่อยครับ" /ยิ้ม
